วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เทคโนโลยีการทำเทียน
(Candles Technology)           

     ในปัจจุบัน...ยังคงมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ทำการผลิตเทียนในลักษณะเชิงพาณิชย์ไม่ว่าจะเป็นการผลิตเทียนในรูปแบบอุตสาหกรรมขนาดเล็กในครัวเรือนที่รับทำตาม order และทำการผลิตเพื่อจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว หรือในอุตสาหกรรมขนาดกลางในระดับชุมชนหรือตำบลที่มีลักษณะการผลิตเทียนเป็นสินค้า OTOP ในลักษณะเทียนสวยงามที่ทำการผลิตเทียนในจำนวนไม่มากเพื่อขายภายในประเทศ หรือในระดับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ทำการผลิตเทียนครั้งละเป็นจำนวนมากๆเพื่อทำการส่งออกไปขายยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งยังไม่ได้นับรวมถึงคนทั่วไปที่มีความสนใจอยากทำการผลิตเทียนเพื่อทำขายเป็นรายได้พิเศษเพิ่มเติมหรือทำเทียนเป็นงานอดิเรกในยามว่างอีกซึ่งมีอีกจำนวนไม่น้อยเลย รวมถึงนักเรียนนิสิตนักศึกษาที่ต้องเรียนการทำเทียนในหลักสูตรการเรียนหรือการทำโครงงานเพื่อส่งอาจารย์ในวิชาวิทยาศาสตร์ แต่การหาข้อมูลและวิธีการทำเทียนที่จะนำมาใช้ในการเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียนหรือสถาบันนั้น ยังคงเป็นการอ้างอิงข้อมูลจากตำราต่างประเทศหรือเว็บไซต์ที่มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับการผลิตเทียนที่เป็นภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ และตำราหรือคู่มือสอนการผลิตเทียนที่เป็นภาษาไทยนั้นยังคงมีน้อยซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นหนักข้อมูลการเรียนการสอนไปในทางปฏิบัติมากกว่า
 ถึงแม้ว่า...การทำเทียนคงจะไม่ใช่เรื่องอะไรที่มีความแปลกและใหม่ในปัจจุบันเพราะการทำเทียนทำกันมานานนับเป็นสิบปีมาแล้ว และถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วทำไมถึงต้องเขียนหนังสือเกี่ยวกับการทำเทียนอีกล่ะ? ทั้งๆที่ก็มีหนังสือเทียนมากมายที่วางขายกันในร้านขายหนังสือหรือมีข้อมูลการทำเทียนให้เห็นกันในอินเตอร์เน็ตตามเว็บไซต์ต่างๆทั้งของไทยและต่างประเทศมีทั้งที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และทำไมข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการทำเทียนถึงเป็นข้อมูลที่ผู้ที่ต้องการศึกษาหรือต้องการทำเทียนไม่สามารถจะทราบได้เลยว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นเป็นข้อมูลที่ถูกต้องจริงๆหรือไม่มากกว่าการอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลนั้นๆเพื่อทำการค้นคว้าเพื่อต้องการศึกษาให้ได้มาซึ่งข้อมูลมากขึ้นนั้นจะหาข้อมูลได้จากที่ไหนและแนวทางที่ถูกต้องเพื่อนำข้อมูลที่ได้รับมานำไปปฏิบัติและคิดค้นหาวิธีการใหม่ๆในการทำเทียนเพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์เทียนรูปแบบใหม่ๆต่อไปนั้นจะสามารถทำได้อย่างไร?
การทำเทียน (Candle making) ยังคงเป็นศาสตร์อีกแขนงหนึ่งที่ยังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งการทำเทียนในส่วนของทฤษฎีจะเป็นเรื่องราวที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับเรื่องของเคมีซึ่งมีความจำเป็นเป็นอย่างมากที่ควรจะศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติทางเคมีของวัตถุดิบและสารเติมแต่งแต่ละประเภทแต่ละชนิดให้มีความเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ในภาคของการปฏิบัติของการทำเทียนเพราะมีความจำเป็นที่ต้องมีความเชี่ยวชาญเรื่องของวัตถุดิบสูตรส่วนผสมต่างๆเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดจากการการผสมสูตรส่วนผสมในงานเทียนแต่ละรูปแบบที่มีสูตรส่วนผสมของวัตถุดิบและสารปรุงแต่งเพราะการที่ผสมสูตรผิดหมายถึงคุณภาพของงานเทียนก็จะออกมาไม่ได้ตามมาตรฐานและถ้าต้องทำใหม่นั่นก็หมายถึงต้นทุนค่าวัตถุดิบและค่าแรงงานที่ต้องสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ คำว่า เทคโนโลยีการทำเทียน คำนี้อาจทำให้เกิดความสงสัยว่าเทคโนโลยีนั้นมาเกี่ยวข้องอย่างไรกับการทำเทียน แต่ถ้านำประโยคนี้มาจับแยกออกจากกัน คือ คำว่า เทคโนโลยีและการทำเทียน
เทคโนโลยี (Technology) ซึ่งเป็นคำมาจากภาษากรีกว่า “Technologia” แปลว่า การกระทำที่มีระบบ ซึ่งตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2539:406) ได้ให้ความหมายของคำว่า เทคโนโลยี คือ วิทยาการที่เกี่ยวกับศิลปะในการนำเอาวิทยาศาสตร์ประยุกต์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติและอุตสาหกรรม
การทำเทียน (Candle making) คือ การทำผลิตภัณฑ์เทียนด้วยการนำไขหรือแว็กซ์ (Wax) ประเภทต่างๆมาหลอมละลายด้วยนำมาผ่านกระบวนการให้ความร้อน อาจเติมด้วยสารเติมแต่งเพื่อเพิ่มคุณภาพให้กับเนื้อเทียนและเพิ่มความสวยงามและกลิ่นหอมให้กับเทียนด้วยการเติมสีและน้ำมันหอมระเหย แล้วนำมาขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์เทียนด้วยวิธีการหล่อในแม่พิมพ์, การหล่อในภาชนะ, การนำมาปั้น, ม้วน หรือการใช้เทคนิคต่างๆเพิ่มเติมด้วยการใช้ปฏิกิริยาของสารเติมแต่งเพื่อให้เกิดลวดลายบนแท่งเทียน เป็นต้น
    “เทคโนโลยีการทำเทียน (Candles Technology) คือ วิทยาการที่เป็นการนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องของธรรมชาติวิทยาและวิทยาศาสตร์มาเป็นวิธีการปฏิบัติและประยุกต์ใช้เพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ปัญหาต่าง ๆในการทำเทียนได้อย่างมีระบบ
    เทคโนโลยีการทำเทียน (Candles Technology)เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการผสมผสานระหว่างวัตถุดิบที่ใช้ในการทำเทียน (Raw material) ตั้งแต่เรื่องของสารตั้งต้นประเภทเนื้อเทียนหรือแว็กซ์ (Candles Wax) กับสารเติมแต่ง(Additive)ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพให้กับเนื้อเทียนให้มีคุณสมบัติต่างๆที่ดีขึ้น 
การใส่สารให้สี (Colorant) ประเภท Solvent Dyes ที่ใส่ลงไปในเทียนเพื่อให้เทียนมีสีสันที่สวยงาม,การใส่สารให้กลิ่น (Odorants) ประเภทน้ำมันหอมที่มาจากธรรมชาติ (Essential Oils) และจากการสังเคราะห์ (Fragrances oils) ที่ใส่ลงไปในเทียนเพื่อทำให้เทียนมีกลิ่นหอม ซึ่งวัตถุดิบที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นล้วนแต่เป็นวัตถุดิบที่เป็นเคมีทั้งสิ้น และไส้เทียน (Wicks)เป็นสิ่งสำคัญมากที่สามารถทำให้เทียนสามารถจุดเพื่อให้เกิดแสงไฟที่สวยงามได้ แต่ก็ต้องเป็นไส้เทียนที่ผลิตจากเส้นใยคอตตอน 100% (Cotton Wicks)ที่มีขนาดเบอร์ของไส้ที่เหมาะสมกับขนาดของเทียนแต่ละขนาดด้วยดังนั้น ก่อนที่เราจะเราจะเริ่มทำการทำเทียนได้ดีนั้น เราก็ควรที่จะเริ่มศึกษาเกี่ยวกับวัตถุดิบแต่ละชนิดก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณสมบัติทางเคมี (Properties) หรือ คุณประโยชน์ (application) ของวัตถุดิบแต่ละชนิด อัตราส่วนผสม (Ratios) ของสารปรุงแต่งแต่ละชนิดที่ใช้เพื่อที่จะได้นำวัตถุดิบแต่ละชนิดไปใช้ได้อย่างถูกต้อง และ เหมาะสมกับงานเทียนแต่ละประเภท และการใช้อัตราส่วนผสม (Ratios) ของสารปรุงแต่งไม่ควรจะใส่ส่วนผสมที่ไม่มากไปหรือน้อยเกินไป สารปรุงแต่งชนิดไหนที่จำเป็นต้องใส่เพิ่มและสารปรุงแต่งชนิดไหนที่ไม่จำเป็นต้องใส่เพิ่มลงไป เพราะวัตถุดิบแต่ละตัวก็ถือเป็นต้นทุนในการผลิต การใช้วัตถุดิบในอัตราส่วนผสมที่มากเกินไปเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตโดยไม่จำเป็น และเพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิต ก็ควรที่จะเรียนรู้ถึงวิธีการและขั้นตอนที่ถูกต้องในการทำเทียนด้วยเพื่อที่จะสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง การทำเทียนสามารถนำไปทำเป็นอาชีพหลักหรือาชีพเสริมได้ ถึงแม้ว่าจะไม่นำไปทำเป็นอาชีพ คุณก็สามารถที่จะทำเป็นแค่งานอดิเรก (Hobby) ในยามว่างได้ การเรียนรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการทำเทียนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณสามารถทำเทียนได้ดี และถ้าคุณมีความรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบและวิธีการทำเทียนได้ดี คุณก็สามารถคิดที่จะออกแบบ หรือค้นคว้าวิจัยสูตรและวิธีการทำเทียนแบบใหม่ๆได้ด้วยตัวของคุณเองอีกด้วย ซึ่งถือเป็นการต่อยอดทางทางคิดที่จะทำให้เกิดเทียนแบบใหม่ๆได้ด้วยตัวเอง เพราะ จากการที่คุณได้คิดผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เทียนตัวใหม่ๆออกมาได้ดี ก็เท่ากับว่าคุณได้สิ่งที่สามารถพอที่จะเป็นอาวุธที่จะไปต่อสู้กับคู่แข่งทางการค้าได้อีกด้วยเราควรรู้เกี่ยวกับพื้นฐานของการทำเทียนก่อนที่จะลงมือทำเทียนให้ถูกแนวทาง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกับการเรียนรู้เรื่องการทำเทียนในขั้นสูงๆต่อไปนะครับ... 

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แว็กซ์ผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม 
(Petroleum Wax Products)
สถาบันปิโตรเลียมของสหรัฐอเมริกาหรือ API (American Petroleum Institute) ได้ทำการสำรวจและพบว่ามีผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปิโตรเลียมนั้นมีมากกว่า 2000 ชนิด ซึ่งสามารถแบ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ออกได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1.  ผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง (Fuel)
2.  ผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำมันหล่อลื่นและจารบี (Lubricants & Grease)
3.  ผลิตภัณฑ์ประเภทยางมะตอยและแว๊กซ์ (Bitumen or Asphalt & Wax)
4.  ผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ เช่นตัวทำละลายและสารเคมีอื่นๆ (Solvents & Other Chemicals)
“แว็กซ์” (Wax) เป็นเพียงผลิตภัณฑ์ประเภทหนึ่งเท่านั้นจากผลิตภัณฑ์อีกมากมายที่ได้จากกระบวนกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม แว็กซ์เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลพลอยได้มาจากกระบวนการผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน (Lube Base Oil Process) วัตถุดิบสำหรับการผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานคือ กากที่เหลือจากการกลั่นภายใต้หอกลั่นบรรยากาศหรือ “Long Residue” ซึ่งจะต้องนำ Long Residue ไปผ่านกระบวนการตามขั้นตอนของการผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานจนถึงกระบวนการกำจัดไขออกจากน้ำมัน ซึ่งไขที่แยกมาเรียกว่า “สแลค แว็กซ์” (Slack Wax) ที่ใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการนำไปผลิตภัณฑ์แว็กซ์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมการผลิตเทียนและอุตสาหกรรมอื่นๆ  ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 ผลิตภัณฑ์ คือ
1.  พาราฟิน แว๊กซ์ (Paraffin Wax)
2.  ไมโครคริสตัลไลน์ แว๊กซ์ (Microcrystalline Wax) หรือไมโครแว็กซ์ (Micro Wax)
3.  ปิโตรลาทัม (Petralatum) หรือปิโตรเลียม เจลลี่ (Petroleum Jelly) หรือชื่อที่รู้จักกันในทางการค้าว่า วาสลีน (Vaseline)
ซึ่งผลิตภัณฑ์แว็กซ์จากปิโตรเลียม สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
1. พาราฟิน แว็กซ์  (Paraffin Wax) จะมีลักษณะเป็นผลึกใหญ่ซึ่งประกอบด้วย Normal Paraffin เป็นส่วนใหญ่ โดยจะมีจำนวนคาร์บอนอะตอมอยู่ระหว่าง 18-36 อะตอมต่อโมเลกุล
2. ไมโครคริสตัลไลน์ แว็กซ์ (Microcrystalline Wax) และ ปิโตรลาทัม (Petrolatum) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า วาสลีน (Vaseline) นั้นจะมีลักษณะเป็นผลึกที่ละเอียดและเหนียว ซึ่งประกอบด้วย Isoparaffins และ Cycloparaffins เป็นส่วนใหญ่