วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ประเภทของเทียน (Candles Type)

ประเภทของเทียน (Candles Type)


เทียนเทเปอร์  (Taper Candle)
คือ เทียนที่มีลักษณะยาวเรียว มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางด้านบนอยู่ที่ประมาณ Ø ½ นิ้ว และ ด้านก้นของเทียน Ø 7/8 นิ้ว และมีความยาวของเทียนตั้งแต่15 - 30 ซม. หรือ 6 -12 นิ้ว เป็นเทียนที่ใช้ปักกับเชิงเทียนที่มีขนาดพอดีกับด้านท้ายของเทียน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะใช้ตกแต่งบนโต๊ะอาหาร


เทียนลอยน้ำ (Floating Candle)
คือ เทียนที่เวลาใช้จุดลอยบนน้ำ เพื่อความสวยงามซึ่งมีรูปแบบต่างๆมากมาย เช่น
เทียนลอยน้ำที่ปั้นเป็นดอกไม้ต่างๆ เช่น ดอกกุหลาบ, ดอกลีลาวดี ฯลฯ หรือเป็นงานเทียนที่หล่อเป็นรูปทรงต่างๆ เช่น จานบิน รองเท้าแตะ หรือ เทียนลอยน้ำที่หล่อจากแม่พิมพ์ที่ใช้ทำขนมรูปต่างๆ


เทียนโวทีฟ (Votive Candle)
คือ เทียนรูปทรงกระบอกขนาดเล็ก มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง Ø 4 เซนติเมตร (ซม.)  หรือ 1 ½ นิ้ว และ มีความสูง 4-6 เซนติเมตร (ซม.)หรือ 1 ½ นิ้ว / 2 นิ้ว หรือ 3 นิ้ว
เป็นเทียนที่ออกแบบมาเพื่อจุดในแก้วขนาดเล็ก เพื่อไม่ให้น้ำตาเทียนไหลเวลาที่จุดเทียน



เทียนพิลาร์ (Pillar Candle)
คือ เทียนรูปทรงกระบอกมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่นิยมใช้กันอยู่ที่ 5-15 เซนติเมตร (ซม.) หรือ 2 นิ้วขึ้นไป จนถึง 6 นิ้ว สำหรับเทียนพิลาร์ทรงกระบอก และเทียนพิลาร์ยังสามารถใช้เรียกเทียนรูปทรงอื่นๆได้ เช่น รูปทรงสี่เหลี่ยม หกเหลี่ยม แปดเหลี่ยม ปีรามิด ทรงกระบอก รูปดาว หรือรูปหัวใจ เทียนพิลาร์ส่วนมากจะนิยมใช้กับเชิงเทียนที่มีลักษณะแบน เช่น จานรอง เป็นต้น

เทียนภาชนะ (Container Candle)  คือ เทียนที่เทในภาชนะรูปทรงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแก้วน้ำ กระถางเซรามิก หรือ กระป๋องโลหะ เทียนภาชนะสามารถทำโดยการใส่น้ำมันหอมในอัตราส่วน%สูงๆมากได้ถึง 15% ของน้ำหนักเทียนเพราะ อยู่ในภาชนะจึงไม่มีปัญหาเรื่องเนื้อเทียนมีความนิ่มเนื่องจากน้ำมันหอม

เทียนฟรุ้ตสลัด (Chunk Candle) คือ เทียนต้องทำเทียนเป็นก้อนสี่เหลี่ยมเล็กๆก่อน โดยการเทลงในถาด แล้วหั่นเป็นก้อนเล็กๆตามขนาดที่ต้องการ เลือกสีก้อนเทียนที่ต้องการแล้วนำไปใส่ในแม่พิมพ์แล้วเทน้ำเทียนขาวเพื่อให้สีของก้อนเทียนที่ใส่เข้าไปก่อนมีความเด่นสามารถมองเห็นก้อนเทียนสีต่างๆได้จากด้านข้างของเทียน สามารถทำเป็นเทียนในรูปทรงต่างๆได้ เช่น เทียนพิลาร์, เทียนสี่เหลี่ยม เป็นต้น


เทียนน้ำแข็ง (Ice Candle) คือเทียนมีลักษณะเป็นรูพรุนบนเนื้อเทียน วิธีการทำโดยการใส่ก้อนน้ำแข็งตามขนาดที่ต้องการลงในแม่พิมพ์ก่อน แล้วเทเทียนตามลงไป การที่เกิดรูพรุนเป็นลวดลายบนเนื้อเทียนก็เนื่องจากการที่น้ำแข็งละลายไป ทำให้เนื้อเทียนเกิดเป็นช่องว่าง

เทียนทราย (Sand Candle) คือ เทียนที่มีเม็ดทรายติดอยู่บนเนื้อของเทียนทั้งแท่งยกเว้นด้านบนของเทียน วิธีการทำคือ เททรายละเอียดลงในกระบะหรือภาชนะอื่นๆอัดทรายให้แน่น แล้วขุดเนื้อทรายออกให้เป็นหลุมตามขนาดที่ต้องการแล้วเทเทียนลงในหลุมทรายที่ทำไว้ แล้วเสียบไส้เทียน พอเนื้อเทียนแห้งก้อขุดเทียนออกจากทราย ปัดเม็ดทรายที่ด้านข้างและด้านล่างของเทียนให้เรียบ ก็จะได้เทียนที่มีเม็ดทรายติดอยู่ที่ด้านข้างและด้านล่างของเทียน ที่มีความสวยงาม

 เทียนทีไลท์ (Tea Light Candle) คือเทียนที่นิยมใช้จุดเพื่อให้ความร้อนสำหรับจุดใต้เตาเตาน้ำมันหอม เป็นเทียนภาชนะทีบรรจุอยู่ในถ้วยที ไลท์ที่ทำจากโลหะหรือพลาสติกขนาดเล็ก มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของถ้วย Ø3.8 – 4 เซนติเมตร (ซม.) และมีความสูงของถ้วยอยู่ที่ 15 -18 มิลลิเมตร (มม.) ขนาดบรรจุ 10 - 100 ชิ้น / แพค

 เทียนเจล (Gel Candle) คือ เทียนที่มีความใสเหมือนเจลลี่หรือวุ้น เนื้อเทียนมีความนิ่มซึ่งส่วนมากจะนำมาเทใส่ภาชนะที่มีความใสประเภทแก้วรูปทรงต่างๆ ที่ทำการออกแบบรูปแบบของงานไปในรูปแบบของการนำวัสดุต่างๆมาตกแต่งในแก้วก่อนแล้วจึงเทเทียนเจลลงไปในแก้ว เนื่องจากเทียนเจลมีความใสจึลทำให้มองเห็นวัสดุที่ตกแต่งไว้แล้ว ทำให้งานที่ออกมามีความสวยงาม หรือออกแบบงานเป็นงานที่เลียนแบบเครื่องดื่มต่างๆ เช่นใส่สีเหลืองแล้วเทในแก้วให้เหมือนกับเบียร์โดยด้านบนใช้ใช้พาราฟินแว็กซ์ตีให้เป็นฟองครีมปิดด้านบนให้เหมือนกับลักษณะของฟองเบียร์ เป็นต้น

วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำเทียน (Candles Raw Material)

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำเทียน (Candles Raw Material)
วัตถุดิบที่ใช้ในการทำเทียนสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ  
1. สารตั้งต้นสำหรับการทำเทียน (Candle Precursors)
2. สารเติมแต่งสำหรับการทำเทียน (Candle Additives)
1. สารตั้งต้นสำหรับการทำเทียน (Candle Precursors)
สารตั้งต้นสำหรับการทำเทียน (Candle Precursors) หมายถึง สารที่สามารถนำมาทำเป็นเนื้อเทียนได้ส่วนใหญ่จะเป็นสารประเภทไขหรือแว็กซ์ (Waxes) ที่เป็นผลพลอยได้จากหลายอุตสาหกรรมการผลิตและจากหลายแหล่งที่มา ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกใช้กันมากมายหลายชนิดแต่ผลิตภัณฑ์แว็กซ์ที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้เป็นเนื้อเทียนหรือสารตั้งต้นในการทำเทียน ได้แก่
1. ผลิตภัณฑ์แว็กซ์ที่ได้จากปิโตรเลียม (Petroleum Waxes) เช่น
พาราฟินแว็กซ์ (Paraffin Wax) แว็กซ์ที่เป็นผลพลอยได้มาจากอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันปิโตรเลียม
2. ผลิตภัณฑ์แว็กซ์ที่ได้จากพืช (Vegetable Waxes) เช่น     
ปาล์มแว็กซ์ (Palm Wax) แว็กซ์ที่เป็นผลพลอยได้มาจากอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันปาล์ม
ซอยแว็กซ์ (Soy Wax)        แว็กซ์ที่เป็นผลพลอยได้มาจากอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันถั่วเหลือง
3. ผลิตภัณฑ์แว็กซ์ที่ได้จากสัตว์ (Animal Waxes) เช่น 
ขี้ผึ้งหรือบีแว็กซ์ (Beeswax) แว็กซ์ที่เป็นผลพลอยได้มาจากอุตสาหกรรมการเลี้ยงผึ้งเพื่อการผลิตน้ำผึ้ง
4. ผลิตภัณฑ์แว็กซ์ที่ได้จากการสังเคราะห์ (Synthetic Waxes) เช่น       
เจลแว็กซ์ (Gel Wax) แว็กซ์ที่ได้จากการนำมาผสมกันระหว่างน้ำมันขาว (White Oil) กับเรซิ่นผงซึ่งเป็นสารประเภทโพลิเมอร์ คือ “Thermoplastic Powder Resin” ซึ่งมักนิยมเจลแว็กซ์ใช้ในการทำเทียนหล่อในภาชนะใส เช่น แก้ว เนื่องจากเนื้อของเจลแว็กซ์มีความใสจนสามารถทำให้มองเห็นตกแต่งสิ่งของต่างๆในแก้วได้
ซึ่งแว็กซ์ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นแว็กซ์ที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้เป็นสารตั้งต้นในการทำเทียนในปัจจุบัน
แต่ก็ยังมีแว็กซ์อีกหลายชนิดที่สามารถนำมาใช้เป็นสารตั้งต้นในการทำเทียนได้แต่ไม่ค่อยนิยมนำมาใช้กันในปัจจุบัน เช่น    เบเบอรี่แว็กซ์ (Bayberry Wax), ไขปลาวาฬ (Spermaceti Waxes) เป็นต้น
2. สารเติมแต่งสำหรับการทำเทียน (Candle Additives)
สารเติมแต่งสำหรับการทำเทียน (Candle Additives) หมายถึง สารที่สามารถนำมาใช้ในการทำเทียน
เพื่อเพิ่มคุณภาพของเนื้อเทียนให้ดียิ่งขึ้น ถ้าจำแนกตามหน้าที่การทำงานจะแบ่งได้เป็น 3 ประเภท   ดังนี้
1. สารเติมแต่งเพื่อเพิ่มคุณภาพเนื้อเทียน (Candle Wax Additives) ได้แก่
- โพลีเอททีลีน แว็กซ์ หรือ พีอีแว็กซ์ (Polyethylene Wax or PE Wax)
- ไมโครคริสตัลไลน์ แว็กซ์ หรือ ไมโครแว็กซ์ (Microsrystalline Wax or Micro Wax)
- สเตียรีน หรือ สเตียริค แอซิด (Stearine or Stearic Acid)
2. สารดัดแปรสมบัติทางเคมีสำหรับการทำเทียน (Candle Chemical Property Modifiers) ได้แก่
- สารป้องกันการเกิดออกซิเดชัน หรือ สารป้องกันการเกิดฟอง (Antioxidants)
- สารดูดกลืนแสงอัลตราไวโอเลต หรือ สารป้องกันสีซีด (UV Absorber)
- สารเพิ่มเสถียรภาพต่อแสงอัลตราไวโอเลต (UV Stabilizers)
3. สารดัดแปรเพื่อความสวยงามสำหรับการทำเทียน (Candle Aesthetic Property Modifiers) ได้แก่
สารให้สี (Colorants)
- สีผง (Dyes)
- เม็ดสีเข้มข้น (Master Batch)
สารให้กลิ่น (Odorants)
- น้ำมันหอมระเหยจากการสกัดโดยวิธีการธรรมชาติ (Essential Oils)
- น้ำมันหอมระเหยจากการสกัดด้วยวิธีการสังเคราะห์ทางเคมี (Fragrance Oils)




วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เทคโนโลยีการทำเทียน
(Candles Technology)           

     ในปัจจุบัน...ยังคงมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ทำการผลิตเทียนในลักษณะเชิงพาณิชย์ไม่ว่าจะเป็นการผลิตเทียนในรูปแบบอุตสาหกรรมขนาดเล็กในครัวเรือนที่รับทำตาม order และทำการผลิตเพื่อจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว หรือในอุตสาหกรรมขนาดกลางในระดับชุมชนหรือตำบลที่มีลักษณะการผลิตเทียนเป็นสินค้า OTOP ในลักษณะเทียนสวยงามที่ทำการผลิตเทียนในจำนวนไม่มากเพื่อขายภายในประเทศ หรือในระดับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ทำการผลิตเทียนครั้งละเป็นจำนวนมากๆเพื่อทำการส่งออกไปขายยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งยังไม่ได้นับรวมถึงคนทั่วไปที่มีความสนใจอยากทำการผลิตเทียนเพื่อทำขายเป็นรายได้พิเศษเพิ่มเติมหรือทำเทียนเป็นงานอดิเรกในยามว่างอีกซึ่งมีอีกจำนวนไม่น้อยเลย รวมถึงนักเรียนนิสิตนักศึกษาที่ต้องเรียนการทำเทียนในหลักสูตรการเรียนหรือการทำโครงงานเพื่อส่งอาจารย์ในวิชาวิทยาศาสตร์ แต่การหาข้อมูลและวิธีการทำเทียนที่จะนำมาใช้ในการเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียนหรือสถาบันนั้น ยังคงเป็นการอ้างอิงข้อมูลจากตำราต่างประเทศหรือเว็บไซต์ที่มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับการผลิตเทียนที่เป็นภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ และตำราหรือคู่มือสอนการผลิตเทียนที่เป็นภาษาไทยนั้นยังคงมีน้อยซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นหนักข้อมูลการเรียนการสอนไปในทางปฏิบัติมากกว่า
 ถึงแม้ว่า...การทำเทียนคงจะไม่ใช่เรื่องอะไรที่มีความแปลกและใหม่ในปัจจุบันเพราะการทำเทียนทำกันมานานนับเป็นสิบปีมาแล้ว และถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วทำไมถึงต้องเขียนหนังสือเกี่ยวกับการทำเทียนอีกล่ะ? ทั้งๆที่ก็มีหนังสือเทียนมากมายที่วางขายกันในร้านขายหนังสือหรือมีข้อมูลการทำเทียนให้เห็นกันในอินเตอร์เน็ตตามเว็บไซต์ต่างๆทั้งของไทยและต่างประเทศมีทั้งที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และทำไมข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการทำเทียนถึงเป็นข้อมูลที่ผู้ที่ต้องการศึกษาหรือต้องการทำเทียนไม่สามารถจะทราบได้เลยว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นเป็นข้อมูลที่ถูกต้องจริงๆหรือไม่มากกว่าการอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลนั้นๆเพื่อทำการค้นคว้าเพื่อต้องการศึกษาให้ได้มาซึ่งข้อมูลมากขึ้นนั้นจะหาข้อมูลได้จากที่ไหนและแนวทางที่ถูกต้องเพื่อนำข้อมูลที่ได้รับมานำไปปฏิบัติและคิดค้นหาวิธีการใหม่ๆในการทำเทียนเพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์เทียนรูปแบบใหม่ๆต่อไปนั้นจะสามารถทำได้อย่างไร?
การทำเทียน (Candle making) ยังคงเป็นศาสตร์อีกแขนงหนึ่งที่ยังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งการทำเทียนในส่วนของทฤษฎีจะเป็นเรื่องราวที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับเรื่องของเคมีซึ่งมีความจำเป็นเป็นอย่างมากที่ควรจะศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติทางเคมีของวัตถุดิบและสารเติมแต่งแต่ละประเภทแต่ละชนิดให้มีความเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ในภาคของการปฏิบัติของการทำเทียนเพราะมีความจำเป็นที่ต้องมีความเชี่ยวชาญเรื่องของวัตถุดิบสูตรส่วนผสมต่างๆเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดจากการการผสมสูตรส่วนผสมในงานเทียนแต่ละรูปแบบที่มีสูตรส่วนผสมของวัตถุดิบและสารปรุงแต่งเพราะการที่ผสมสูตรผิดหมายถึงคุณภาพของงานเทียนก็จะออกมาไม่ได้ตามมาตรฐานและถ้าต้องทำใหม่นั่นก็หมายถึงต้นทุนค่าวัตถุดิบและค่าแรงงานที่ต้องสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ คำว่า เทคโนโลยีการทำเทียน คำนี้อาจทำให้เกิดความสงสัยว่าเทคโนโลยีนั้นมาเกี่ยวข้องอย่างไรกับการทำเทียน แต่ถ้านำประโยคนี้มาจับแยกออกจากกัน คือ คำว่า เทคโนโลยีและการทำเทียน
เทคโนโลยี (Technology) ซึ่งเป็นคำมาจากภาษากรีกว่า “Technologia” แปลว่า การกระทำที่มีระบบ ซึ่งตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2539:406) ได้ให้ความหมายของคำว่า เทคโนโลยี คือ วิทยาการที่เกี่ยวกับศิลปะในการนำเอาวิทยาศาสตร์ประยุกต์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติและอุตสาหกรรม
การทำเทียน (Candle making) คือ การทำผลิตภัณฑ์เทียนด้วยการนำไขหรือแว็กซ์ (Wax) ประเภทต่างๆมาหลอมละลายด้วยนำมาผ่านกระบวนการให้ความร้อน อาจเติมด้วยสารเติมแต่งเพื่อเพิ่มคุณภาพให้กับเนื้อเทียนและเพิ่มความสวยงามและกลิ่นหอมให้กับเทียนด้วยการเติมสีและน้ำมันหอมระเหย แล้วนำมาขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์เทียนด้วยวิธีการหล่อในแม่พิมพ์, การหล่อในภาชนะ, การนำมาปั้น, ม้วน หรือการใช้เทคนิคต่างๆเพิ่มเติมด้วยการใช้ปฏิกิริยาของสารเติมแต่งเพื่อให้เกิดลวดลายบนแท่งเทียน เป็นต้น
    “เทคโนโลยีการทำเทียน (Candles Technology) คือ วิทยาการที่เป็นการนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องของธรรมชาติวิทยาและวิทยาศาสตร์มาเป็นวิธีการปฏิบัติและประยุกต์ใช้เพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ปัญหาต่าง ๆในการทำเทียนได้อย่างมีระบบ
    เทคโนโลยีการทำเทียน (Candles Technology)เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการผสมผสานระหว่างวัตถุดิบที่ใช้ในการทำเทียน (Raw material) ตั้งแต่เรื่องของสารตั้งต้นประเภทเนื้อเทียนหรือแว็กซ์ (Candles Wax) กับสารเติมแต่ง(Additive)ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพให้กับเนื้อเทียนให้มีคุณสมบัติต่างๆที่ดีขึ้น 
การใส่สารให้สี (Colorant) ประเภท Solvent Dyes ที่ใส่ลงไปในเทียนเพื่อให้เทียนมีสีสันที่สวยงาม,การใส่สารให้กลิ่น (Odorants) ประเภทน้ำมันหอมที่มาจากธรรมชาติ (Essential Oils) และจากการสังเคราะห์ (Fragrances oils) ที่ใส่ลงไปในเทียนเพื่อทำให้เทียนมีกลิ่นหอม ซึ่งวัตถุดิบที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นล้วนแต่เป็นวัตถุดิบที่เป็นเคมีทั้งสิ้น และไส้เทียน (Wicks)เป็นสิ่งสำคัญมากที่สามารถทำให้เทียนสามารถจุดเพื่อให้เกิดแสงไฟที่สวยงามได้ แต่ก็ต้องเป็นไส้เทียนที่ผลิตจากเส้นใยคอตตอน 100% (Cotton Wicks)ที่มีขนาดเบอร์ของไส้ที่เหมาะสมกับขนาดของเทียนแต่ละขนาดด้วยดังนั้น ก่อนที่เราจะเราจะเริ่มทำการทำเทียนได้ดีนั้น เราก็ควรที่จะเริ่มศึกษาเกี่ยวกับวัตถุดิบแต่ละชนิดก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณสมบัติทางเคมี (Properties) หรือ คุณประโยชน์ (application) ของวัตถุดิบแต่ละชนิด อัตราส่วนผสม (Ratios) ของสารปรุงแต่งแต่ละชนิดที่ใช้เพื่อที่จะได้นำวัตถุดิบแต่ละชนิดไปใช้ได้อย่างถูกต้อง และ เหมาะสมกับงานเทียนแต่ละประเภท และการใช้อัตราส่วนผสม (Ratios) ของสารปรุงแต่งไม่ควรจะใส่ส่วนผสมที่ไม่มากไปหรือน้อยเกินไป สารปรุงแต่งชนิดไหนที่จำเป็นต้องใส่เพิ่มและสารปรุงแต่งชนิดไหนที่ไม่จำเป็นต้องใส่เพิ่มลงไป เพราะวัตถุดิบแต่ละตัวก็ถือเป็นต้นทุนในการผลิต การใช้วัตถุดิบในอัตราส่วนผสมที่มากเกินไปเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตโดยไม่จำเป็น และเพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิต ก็ควรที่จะเรียนรู้ถึงวิธีการและขั้นตอนที่ถูกต้องในการทำเทียนด้วยเพื่อที่จะสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง การทำเทียนสามารถนำไปทำเป็นอาชีพหลักหรือาชีพเสริมได้ ถึงแม้ว่าจะไม่นำไปทำเป็นอาชีพ คุณก็สามารถที่จะทำเป็นแค่งานอดิเรก (Hobby) ในยามว่างได้ การเรียนรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการทำเทียนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณสามารถทำเทียนได้ดี และถ้าคุณมีความรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบและวิธีการทำเทียนได้ดี คุณก็สามารถคิดที่จะออกแบบ หรือค้นคว้าวิจัยสูตรและวิธีการทำเทียนแบบใหม่ๆได้ด้วยตัวของคุณเองอีกด้วย ซึ่งถือเป็นการต่อยอดทางทางคิดที่จะทำให้เกิดเทียนแบบใหม่ๆได้ด้วยตัวเอง เพราะ จากการที่คุณได้คิดผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เทียนตัวใหม่ๆออกมาได้ดี ก็เท่ากับว่าคุณได้สิ่งที่สามารถพอที่จะเป็นอาวุธที่จะไปต่อสู้กับคู่แข่งทางการค้าได้อีกด้วยเราควรรู้เกี่ยวกับพื้นฐานของการทำเทียนก่อนที่จะลงมือทำเทียนให้ถูกแนวทาง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกับการเรียนรู้เรื่องการทำเทียนในขั้นสูงๆต่อไปนะครับ... 

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แว็กซ์ผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม 
(Petroleum Wax Products)
สถาบันปิโตรเลียมของสหรัฐอเมริกาหรือ API (American Petroleum Institute) ได้ทำการสำรวจและพบว่ามีผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปิโตรเลียมนั้นมีมากกว่า 2000 ชนิด ซึ่งสามารถแบ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ออกได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1.  ผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง (Fuel)
2.  ผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำมันหล่อลื่นและจารบี (Lubricants & Grease)
3.  ผลิตภัณฑ์ประเภทยางมะตอยและแว๊กซ์ (Bitumen or Asphalt & Wax)
4.  ผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ เช่นตัวทำละลายและสารเคมีอื่นๆ (Solvents & Other Chemicals)
“แว็กซ์” (Wax) เป็นเพียงผลิตภัณฑ์ประเภทหนึ่งเท่านั้นจากผลิตภัณฑ์อีกมากมายที่ได้จากกระบวนกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม แว็กซ์เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลพลอยได้มาจากกระบวนการผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน (Lube Base Oil Process) วัตถุดิบสำหรับการผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานคือ กากที่เหลือจากการกลั่นภายใต้หอกลั่นบรรยากาศหรือ “Long Residue” ซึ่งจะต้องนำ Long Residue ไปผ่านกระบวนการตามขั้นตอนของการผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานจนถึงกระบวนการกำจัดไขออกจากน้ำมัน ซึ่งไขที่แยกมาเรียกว่า “สแลค แว็กซ์” (Slack Wax) ที่ใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการนำไปผลิตภัณฑ์แว็กซ์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมการผลิตเทียนและอุตสาหกรรมอื่นๆ  ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 ผลิตภัณฑ์ คือ
1.  พาราฟิน แว๊กซ์ (Paraffin Wax)
2.  ไมโครคริสตัลไลน์ แว๊กซ์ (Microcrystalline Wax) หรือไมโครแว็กซ์ (Micro Wax)
3.  ปิโตรลาทัม (Petralatum) หรือปิโตรเลียม เจลลี่ (Petroleum Jelly) หรือชื่อที่รู้จักกันในทางการค้าว่า วาสลีน (Vaseline)
ซึ่งผลิตภัณฑ์แว็กซ์จากปิโตรเลียม สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
1. พาราฟิน แว็กซ์  (Paraffin Wax) จะมีลักษณะเป็นผลึกใหญ่ซึ่งประกอบด้วย Normal Paraffin เป็นส่วนใหญ่ โดยจะมีจำนวนคาร์บอนอะตอมอยู่ระหว่าง 18-36 อะตอมต่อโมเลกุล
2. ไมโครคริสตัลไลน์ แว็กซ์ (Microcrystalline Wax) และ ปิโตรลาทัม (Petrolatum) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า วาสลีน (Vaseline) นั้นจะมีลักษณะเป็นผลึกที่ละเอียดและเหนียว ซึ่งประกอบด้วย Isoparaffins และ Cycloparaffins เป็นส่วนใหญ่